Ministry of Healing
BACK NEXT

Chapter 13 (บทที่ 13)
The Helpless Poor
คนยากจนที่ไร้ที่พึ่ง

When all has been done that can be done in helping the poor to help themselves, there still remain the widow and the fatherless, the aged, the helpless, and the sick, that claim sympathy and care. Never should these be neglected. They are committed by God Himself to the mercy, the love, and the tender care of all whom He has made His stewards. {MH 201.1}

เมื่อเราได้กระทำทุกสิ่งเพื่อที่จะช่วยคนยากจนให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้วนั้น ก็ยังมีหญิงม่าย ลูกกำพร้า คนชรา คนพิการและคนป่วยเจ็บที่ต่างต้องการความเห็นอกเห็นใจและการดูแลเอาใจใส่ คนเหล่านี้ไม่ควรถูกทอดทิ้ง พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้คนเหล่านี้อยู่ในความเมตตากรุณา ความรักใคร่และการดูแลเอาใจใส่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงเรียกและเลือกให้เป็นผู้อารักขาสมบัติของพระองค์ {MH 201.1}

The Household of Faith

ครอบครัวที่มีความเชื่อ

"As we have therefore opportunity, let us do good unto all men, especially unto them who are of the household of faith." Galatians 6:10. {MH 201.2}

“เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ” กาลาเทีย 6:10 {MH 201.2}

In a special sense, Christ has laid upon His church the duty of caring for the needy among its own members. He suffers His poor to be in the borders of every church. They are always to be among us, and He places upon the members of the church a personal responsibility to care for them. {MH 201.3}

ถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่ง พระคริสต์ได้ทรงมอบหมายให้คริสตจักรของพระองค์ให้เป็นผู้ที่คอยเอาใจใส่ดูแลและให้การช่วยเหลือแก่สมาชิกที่ยากจนในคริสตจักร พระองค์ทรงโปรดให้มีคนยากจนอยู่ในคริสตจักรทุกๆ แห่ง คนยากจนจึงมีอยู่ในท่ามกลางพวกเราเสมอ และพระองค์ทรงมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวแก่สมาชิกของคริสตจักรในการดูแลเอาใจใส่และให้การช่วยเหลือแก่พวกเขา {MH 201.3}

As the members of a true family care for one another, ministering to the sick, supporting the weak, teaching the ignorant, training the inexperienced, so is "the household of faith" to care for its needy and helpless ones. Upon no consideration are these to be passed by. {MH 201.4}

เช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวเดียวกันตามสายเลือดที่เอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน คอยปรนนิบัติช่วยเหลือในยามที่เจ็บป่วย ช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูผู้ที่อ่อนแอ สั่งสอนผู้ที่ขาดความรู้และฝึกฝนอบรมให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ฉันใด คนใน “ครอบครัวที่มีความเชื่อ” ก็มีหน้าที่ๆ จะต้องให้ความช่วยเหลือดูแลแก่คนยากจนและคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยกันฉันนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่คนเหล่านี้ต้องถูกมองข้ามไป {MH 201.4}

Widows and Orphans

หญิงม่ายและลูกกำพร้า

The widow and the fatherless are the objects of the Lord's special care. "A Father of the fatherless, and a Judge of the widows, Is God in His holy habitation." "Thy Maker is thy husband; Jehovah of hosts is His name: And the Holy One of Israel is thy Redeemer; The God of the whole earth shall He be called." "Leave thy fatherless children, I will preserve them alive; And let thy widows trust in Me." Psalm 68:5; Isaiah 54:5, A.R.V.; Jeremiah 49:11. {MH 202.1}

หญิงม่ายและลูกกำพร้าเป็นผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลรักษาเป็นพิเศษ “พระเจ้าในที่ประทับบริสุทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นพระบิดาของคนกำพร้าและทรง เป็นผู้ป้องกันหญิงม่าย” “ผู้สร้างเจ้าเป็นสามีของเจ้า พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ไถ่ของเจ้า เขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของสากลโลก” “จงทิ้งเด็กกำพร้าพ่อของเจ้าไว้เถิด เราจะให้เขามีชีวิตอยู่ และให้แม่ม่ายของเจ้าวางใจในเราเถิด" สดุดี 68:5; อิสยาห์ 54:5, เยเรมีย์ 49:11 {MH 202.1}

Many a father, when called upon to part from his loved ones, has died resting in faith upon God's promise to care for them. The Lord provides for the widow and the fatherless, not by a miracle in sending manna from heaven, not by sending ravens to bring them food; but by a miracle upon human hearts, expelling selfishness, and unsealing the fountains of Christlike love. The afflicted and bereaved ones He commits to His followers as a precious trust. They have the very strongest claim upon our sympathy. {MH 202.2}

เมื่อบิดาหลายคนได้จากคนที่เขารักไป พวกเขาได้ตายไปโดยมีความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าว่า พระองค์จะทรงพิทักษ์รักษาครอบครัวของเขาไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบำรุงเลี้ยงหญิงม่ายและลูกกำพร้า มิใช่โดยการอัศจรรย์ด้วยมานาที่ตกลงมาจากฟากฟ้า มิใช่ด้วยการส่งอีกาคาบอาหารมาให้พวกเขา แต่ด้วยการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ โดยขับไล่ความเห็นแก่ตัวออกไป และปล่อยน้ำพุแห่งความรักที่เป็นเหมือนดั่งความรักของพระคริสต์ได้ไหลรินออกมา พระองค์ทรงมอบผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและผู้ที่ได้สูญเสียญาติสนิทมิตรสหายไว้ภายใต้การดูแลของเหล่าสาวกของพระองค์ดุจสิ่งที่ล้ำค่า พวกเขาจึงมีความชอบธรรมที่สุดที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเรา {MH 202.2}

In homes supplied with life's comforts, in bins and granaries filled with the yield of abundant harvests, in warehouses stocked with the products of the loom, and vaults stored with gold and silver, God has supplied means for the sustenance of these needy ones. He calls upon us to be channels of His bounty. {MH 202.3}

ในบ้านที่มีสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายในชีวิต ในถังและยุ้งฉางที่เต็มไปด้วยผลเก็บเกี่ยวอันอุดม ในโกดังเก็บรวบรวมผลิตภัณฑ์จากเครื่องทอผ้าและในคลังสมบัติก็เต็มไปด้วยทองคำและเงิน พระเจ้าทรงจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ไว้มากมายเพื่อที่จะบำรุงหล่อเลี้ยงชีวิตของคนที่ยากไร้เหล่านี้ พระองค์ทรงเรียกเราทั้งหลายให้เป็นช่องทางในการระบายความไพบูลย์ของพระองค์ {MH 202.3}

Many a widowed mother with her fatherless children is bravely striving to bear her double burden, often toiling far beyond her strength in order to keep her little ones with her and to provide for their needs. Little time has she for their training and instruction, little opportunity to surround them with influences that would brighten their lives. She needs encouragement, sympathy, and tangible help. {MH 203.1}

แม่ม่ายหลายคนพร้อมด้วยลูกกำพร้าของนางต้องทนดิ้นรนต่อสู้ด้วยภาระที่ทวีคูณที่บ่อยครั้งนางต้องตรากตรำทำงานอย่างเกินกำลังเพื่อที่จะไม่ต้องพรากจากลูกน้อยที่ยังเล็กของนางและยังต้องหาเลี้ยงทุกปาก นางมีเวลาเหลือเพียงเล็กน้อยในการอบรมสั่งสอนลูกๆ และไม่ใคร่จะมีโอกาสที่จะได้อยู่ในบรรยากาศที่จะช่วยให้ชีวิตของลูกๆ ได้มีความร่าเริงแจ่มใส หญิงม่ายเหล่านี้ต้องการกำลังใจ ความเห็นอกเห็นใจและความช่วยเหลืออย่างจริงใจ {MH 203.1}

God calls upon us to supply to these children, so far as we can, the want of a father's care. Instead of standing aloof, complaining of their faults, and of the trouble they may cause, help them in every way possible. Seek to aid the careworn mother. Lighten her burdens. {MH 203.2}

พระเจ้าทรงเรียกเราให้ช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูเด็กกำพร้าเหล่านี้เท่าที่เราจะสามารถกระทำได้ แทนที่เราจะทำตัวเย็นชาไม่ใส่ใจ คอยบ่นว่าติเตียนความบกพร่องของพวกเขาและปัญหาที่พวกเขาก่อ แต่จงให้ความช่วยเหลือพวกเขาในทุกๆ ทางเท่าที่เราจะช่วยได้ จงช่วยกันปลดเปลื้องความทุกข์ยากและแบ่งเบาภาระของหญิงม่ายผู้เป็นมารดา {MH 203.2}

Then there are the multitudes of children who have been wholly deprived of the guidance of parents and the subduing influence of a Christian home. Let Christians open their hearts and homes to these helpless ones. The work that God has committed to them as an individual duty should not be turned over to some benevolent institution or left to the chances of the world's charity. If the children have no relatives able to give them care, let the members of the church provide homes for them. He who made us ordained that we should be associated in families, and the child nature will develop best in the loving atmosphere of a Christian home. {MH 203.3}

นอกจากเด็กกำพร้าเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเด็กอีกมากมายที่ขาดการอบรมสั่งสอนจากบิดามารดาและไม่ได้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมในครอบครัวของคริสเตียน ขอให้ผู้ที่เป็นคริสเตียนได้เปิดจิตใจและบ้านเพื่อต้อนรับเด็กๆ ที่ขาดที่พึ่งพาเหล่านี้ กิจการงานที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้กับพวกเขาเป็นหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะบุคคลซึ่งมิควรที่จะถูกปัดไปให้เป็นหน้าที่ขององค์กรการกุศลหรือปล่อยไปตามยถากรรมโดยให้มูลนิธิสงเคราะห์ของสาธารณชนเป็นผู้คอยดูแล หากเด็กเหล่านั้นไม่มีญาติพี่น้องที่จะคอยเลี้ยงดู ก็ขอให้สมาชิกของคริสตจักรรับเลี้ยงเด็กเหล่านั้นไว้ในครอบครัว พระผู้ทรงสร้างเราทั้งหลายได้ทรงมีพระบัญชาให้เราได้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันระหว่างครอบครัว และเด็กเหล่านี้จะสามารถพัฒนาอุปนิสัยได้ดีที่สุดภายใต้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักในครอบครัวของคริสเตียน {MH 203.3}

Many who have no children of their own could do a good work in caring for the children of others. Instead of giving attention to pets, lavishing affection upon dumb animals, let them give their attention to little children, whose characters they may fashion after the divine similitude. Place your love upon the homeless members of the human family. See how many of these children you can bring up in the nurture and admonition of the Lord. Many would thus be greatly benefited themselves. {MH 203.4}

หลายคนที่ไม่มีบุตรของตนเองสามารถที่จะช่วยอบรมเลี้ยงดูบุตรของคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี แทนที่จะคอยเอาใจใส่ดูแลสัตว์เลี้ยงหรือทุ่มเทความรักใคร่ให้กับสัตว์เดียรัจฉาน ขอให้พวกเขาได้เอาใจใส่ต่อเด็กเล็กๆ เหล่านี้แทน เด็กๆ ที่เขาสามารถจะช่วยปั้นแต่งให้มีอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกับพระเจ้า จงแสดงความรักของท่านต่อเพื่อนมนุษย์ที่ไร้ที่พักพิง จงพิจารณาดูว่าท่านจะช่วยอบรมเด็กเหล่านี้ด้วยการสั่งสอนและด้วยการตักเตือนตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้เป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด โดยการกระทำเช่นนี้แหละ หลายคนจะได้รับประโยชน์เป็นอันมากสำหรับตัวของพวกเขาเองด้วย {MH 203.4}

The Aged

ผู้ชรา

The aged also need the helpful influences of the family. In the home of brethren and sisters in Christ can most nearly be made up to them the loss of their own home. If encouraged to share in the interests and occupations of the household, it will help them to feel that their usefulness is not at an end. Make them feel that their help is valued, that there is something yet for them to do in ministering to others, and it will cheer their hearts and give interest to their lives. {MH 204.1}

ผู้ชราก็ต้องการอิทธิพลที่มีประโยชน์ของครอบครัวด้วยเช่นกัน ในครอบครัวของพี่น้องชายหญิงที่มีความเชื่อในพระคริสต์ย่อมจะชดเชยสิ่งที่ผู้ชราได้สูญเสียไปในครอบครัวของเขาเองได้ หากเราจะส่งเสริมให้คนชราได้มีส่วนร่วมในความเป็นอยู่และกิจการงานในครอบครัวแล้ว ก็จะช่วยทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกว่าเขายังมีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ จงทำให้ผู้ชรารู้สึกว่าความช่วยเหลือของพวกเขาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและยังมีบางสิ่งที่พวกเขาสามารถทำเพื่อปรนนิบัติผู้อื่นได้ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจของพวกเขามีความแช่มชื่นเบิกบานและทำให้ชีวิตของพวกเขานั้นมีความหมาย {MH 204.1}

So far as possible let those whose whitening heads and failing steps show that they are drawing near to the grave remain among friends and familiar associations. Let them worship among those whom they have known and loved. Let them be cared for by loving and tender hands. {MH 204.2}

เท่าที่เป็นไปได้ จงให้ผู้ชราที่ผมหงอกขาวและย่างก้าวไม่มั่นคงเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ยังคงได้อยู่ท่ามกลางมิตรสหายและผู้ที่รู้จักคุ้นเคย จงให้เขาได้เข้านมัสการร่วมกันกับคนทั้งหลายที่เขารักและรู้จัก และให้เขาได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแขนที่เปี่ยมด้วยความรักและอ่อนโยน {MH 204.2}

Whenever they are able to do so, it should be the privilege of the members of every family to minister to their own kindred. When this cannot be, the work belongs to the church, and it should be accepted both as a privilege and as a duty. All who possess Christ's spirit will have a tender regard for the feeble and the aged. {MH 204.3}

เมื่อใดที่สามารถทำได้ ควรเป็นสิทธิพิเศษของสมาชิกทั้งหมดในทุกครอบครัวเป็นผู้ดูแลญาติของตนเอง แต่หากไม่สามารถจะกระทำได้ งานนี้จะตกเป็นของคริสตจักรซึ่งต้องยอมรับงานนี้ว่าเป็นทั้งสิทธิพิเศษและเป็นหน้าที่ คนทั้งหลายที่มีน้ำใจอย่างพระคริสต์จะมีใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อ่อนกำลังและผู้ชรา {MH 204.3}

The presence in our homes of one of these helpless ones is a precious opportunity to co-operate with Christ in His ministry of mercy and to develop traits of character like His. There is a blessing in the association of the old and the young. The young may bring sunshine into the hearts and lives of the aged. Those whose hold on life is weakening need the benefit of contact with the hopefulness and buoyancy of youth. And the young may be helped by the wisdom and experience of the old. Above all, they need to learn the lesson of unselfish ministry. The presence of one in need of sympathy and forbearance and self-sacrificing love would be to many a household a priceless blessing. It would sweeten and refine the home life, and call forth in old and young those Christlike graces that would make them beautiful with a divine beauty and rich in heaven's imperishable treasure. {MH 204.4}

เมื่อมีผู้ชราที่ขาดที่พึ่งได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรา จะนับได้ว่าเป็นโอกาสอันมีค่าที่เราจะได้ร่วมมือกับพระคริสต์ในการแสดงความเมตตากรุณาและการพัฒนาอุปนิสัยของเราให้เข้าใกล้ถึงความไพบูลย์ของพระองค์ การที่ผู้ชราและคนหนุ่มสาวได้มีโอกาสคบหาสมาคมกันย่อมจะเป็นพระพรอย่างแน่นอน คนหนุ่มสาวจะนำแสงอรุณมาสู่ชีวิตจิตใจของผู้ชรา ผู้ชราที่มีชีวิตอยู่ในสภาพที่อ่อนแอและโรยราจะได้รับประโยชน์จากการที่ได้ติดต่อกับคนหนุ่มสาวผู้เปี่ยมด้วยความหวังในชีวิตและมีความกระปรี้กระเปร่าของวัยเยาว์ ส่วนคนหนุ่มสาวก็จะได้รับความช่วยเหลือจากสติปัญญาและประสบการณ์ของผู้ชรา เหนือสิ่งอื่นใด คนหนุ่มสาวเหล่านี้จำเป็นต้องเรียนรู้บทเรียนการปรนนิบัติรับใช้ที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว การได้เข้าอาศัยร่วมกับผู้ที่ต้องการความเห็นอกเห็นใจ ความอดทนและความรักที่ยอมเสียสละความต้องการของตนเองนั้น ย่อมจะช่วยให้ครอบครัวมากมายได้รับพระพรอันล้ำค่า สิ่งนี้จะเติมความอบอุ่นและช่วยขัดเกลาชีวิตในครอบครัว และทำให้ทั้งผู้ชราและคนหนุ่มสาวได้แสดงออกถึงพระคุณแบบเดียวกับของพระคริสต์ที่เปลี่ยนแปลงพวกเขาให้งดงามเหมือนอย่างความงามของพระเจ้าและไพบูลย์ด้วยทรัพย์สมบัติแห่งแผ่นดินสวรรค์ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ {MH 204.4}

A Test of Character

การทดสอบอุปนิสัย

"Ye have the poor with you always," Christ said, "and whensoever ye will ye may do them good." "Pure religion and undefiled before God and the Father is this, To visit the fatherless and widows in their affliction, and to keep himself unspotted from the world." Mark 14:7; James 1:27. {MH 205.1}

พระคริสต์ตรัสว่า “ด้วยว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านเสมอ และท่านจะทำการดีแก่เขาเมื่อไรก็ทำได้” “ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก” มาระโก 14:7 ยากอบ 1:27 {MH 205.1}

In placing among them the helpless and the poor, to be dependent upon their care, Christ tests His professed followers. By our love and service for His needy children we prove the genuineness of our love for Him. To neglect them is to declare ourselves false disciples, strangers to Christ and His love. {MH 205.2}

การนำผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และคนยากจนมาอยู่ในท่ามกลางพวกเขา มาพึ่งพาการดูแลของพวกเขา พระคริสต์ทรงกำลังทดสอบผู้ที่แสดงตนว่าเป็นสาวกของพระองค์ โดยความรักและการรับใช้ของเราที่ปฏิบัติต่อเหล่าบุตรผู้ขัดสนของพระองค์ เราสามารถพิสูจน์ความจริงแท้ในความรักของเราที่มีต่อพระองค์ การเพิกเฉยละเลยต่อพวกเขาก็เท่ากับเป็นการสำแดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราเป็นเพียงสาวกเทียม เป็นคนแปลกหน้าสำหรับพระคริสต์และความรักของพระองค์ {MH 205.2}

If all were done that could be done in providing homes in families for orphan children, there would still remain very many requiring care. Many of them have received an inheritance of evil. They are unpromising, unattractive, perverse, but they are the purchase of the blood of Christ, and in His sight are just as precious as are our own little ones. Unless a helping hand is held out to them, they will grow up in ignorance and drift into vice and crime. Many of these children could be rescued through the work of orphan asylums. {MH 205.3}

แม้เราได้ทำทุกสิ่งที่สามารถจะทำได้เพื่อจัดหาที่อาศัยภายในครอบครัวให้แก่เหล่าเด็กกำพร้าแล้ว ก็ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่ต้องการการดูแลอีกมากมายที่เราจะต้องทำ เด็กกำพร้าหลายคนได้รับมรดกตกทอดทางนิสัยอันชั่วร้าย พวกเขาไม่มีแววของเด็กดี ไม่น่าสนใจและดื้อรั้น แต่พวกเขาก็เป็นเด็กๆ ที่พระคริสต์ได้ทรงไถ่ไว้แล้วด้วยพระโลหิตของพระองค์ และในสายพระเนตรของพระองค์ พวกเขาก็เป็นผู้ที่มีคุณค่าเท่าเทียมกับบุตรเล็กๆ ของเราเอง ถ้าหากไม่มีผู้ใดยื่นแขนออกไปให้ความช่วยเหลือแล้ว พวกเขาจะเติบโตเป็นเด็กที่โง่เขลาและหลงไปในทางชั่วร้ายและอาชญากรรม เด็กเหล่านี้จำนวนมากน่าจะได้รับการช่วยเหลือโดยผ่านทางการดำเนินงานของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า {MH 205.3}

Such institutions, to be most effective, should be modeled as closely as possible after the plan of a Christian home. Instead of large establishments, bringing great numbers together, let there be small institutions in different places. Instead of being in or near some town or large city, they should be in the country where land can be secured for cultivation and the children can be brought into contact with nature and can have the benefits of industrial training. {MH 205.4}

เพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จอย่างดีที่สุด หน่วยงานเหล่านี้ควรจะจัดตั้งขึ้นตามแบบอย่างของครอบครัวคริสเตียนให้มากที่สุด แทนที่จะจัดสร้างสถานที่อันใหญ่โตสำหรับให้เด็กกำพร้าอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เราควรจะจัดตั้งเป็นสถานที่เล็กๆ กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ จะเป็นการดีกว่า แทนที่จะสร้างอยู่ใกล้หรืออยู่ในเขตเมืองหรืออยู่ในเมืองใหญ่ๆ สถานที่เหล่านี้ควรจะออกไปอยู่ในชนบทเพื่อที่จะสามารถซื้อหาที่ดินเพื่อทำการเพาะปลูกและเด็ก ๆ ก็จะได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และได้รับการฝึกหัดอบรมให้รู้จักประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ {MH 205.4}

Those in charge of such a home should be men and women who are largehearted, cultured, and self-sacrificing; men and women who undertake the work from love to Christ and who train the children for Him. Under such care many homeless and neglected ones may be prepared to become useful members of society, an honor to Christ themselves, and in their turn helping others. {MH 206.1}

ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบสถานที่เช่นนี้ ควรจะเป็นชายหญิงผู้มีใจกว้างขวาง มีวัฒนธรรมอันดีและยอมที่จะเสียสละความสุขส่วนตัว นอกจากนี้ ยังจะต้องเป็นชายหญิงที่ยอมทำงานนี้ด้วยความรักในพระคริสต์ที่ช่วยในการอบรมสั่งสอนเด็กๆ เพื่อพระองค์ ภายใต้การดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ เด็กมากมายที่ไร้ที่พักพิงและถูกทอดทิ้งก็จะได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม อันนับเป็นการถวายพระเกียรติยศแด่พระคริสต์และเมื่อถึงเวลาของพวกเขา คนเหล่านี้ก็จะสามารถช่วยเหลือรุ่นอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย {MH 206.1}

Many despise economy, confounding it with stinginess and narrowness. But economy is consistent with the broadest liberality. Indeed, without economy, there can be no true liberality. We are to save, that we may give. {MH 206.2}

หลายคนเกลียดชังความมัธยัสถ์ เพราะสับสนคิดว่าเป็นเรื่องของการตระหนี่ถี่เหนียวและการมีจิตใจที่คับแคบ แต่ความมัธยัสถ์มีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างมากมายที่สุด เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากไม่มีความมัธยัสถ์ ก็จะไม่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่แท้จริงได้ เราต้องเก็บออมไว้เพื่อที่จะสามารถบริจาค {MH 206.2}

No one can practice real benevolence without self-denial. Only by a life of simplicity, self-denial, and close economy is it possible for us to accomplish the work appointed us as Christ's representatives. Pride and worldly ambition must be put out of our hearts. In all our work the principle of unselfishness revealed in Christ's life is to be carried out. Upon the walls of our homes, the pictures, the furnishings, we are to read, "Bring the poor that are cast out to thy house." On our wardrobes we are to see written, as with the finger of God, "Clothe the naked." In the dining room, on the table laden with abundant food, we should see traced, "Is it not to deal thy bread to the hungry?" Isaiah 58:7. {MH 206.3}

ไม่มีผู้ใดจะแสดงความเมตตากรุณาที่จริงใจต่อผู้อื่นได้โดยที่ไม่ยอมปฏิเสธความต้องการของตนเอง ด้วยชีวิตที่เรียบง่าย การปฏิเสธความต้องการของตนเองและใช้จ่ายอย่างมัธยัสถ์เท่านั้นที่เราจะประสบความสำเร็จในงานที่ทรงมอบหมายให้เราในฐานะผู้แทนของพระคริสต์ เราต้องกำจัดความเย่อหยิ่งและความทะเยอทะยานออกไปจากจิตใจของเรา ในกิจการทุกอย่างที่เรากระทำ เราจะต้องนำหลักการแห่งความไม่เห็นแก่ตัวที่สำแดงในชีวิตของพระคริสต์มาปฏิบัติ บนฝาผนังในบ้านของเรา รูปภาพและเครื่องตกแต่งบ้าน ต้องสื่อความหมายถึงข้อความที่อ่านได้ว่า “จงนำคนยากจนที่ถูกทอดทิ้งมายังบ้านของเจ้า” ในตู้เสื้อผ้าของเราจะต้องสื่อความหมายที่เขียนว่า “เอาเสื้อผ้าให้คนเปลือยกายสวมใส่” ในห้องรับประทานอาหาร บนโต๊ะที่มีอาหารมากมายจัดไว้นั้น เราต้องสื่อความหมายให้เห็นร่องรอยของ “ไม่ใช่การที่จะปันอาหารของเจ้าให้กับผู้หิวหรือ” อิสยาห์ 58:7 {MH 206.3}

A thousand doors of usefulness are open before us. Often we lament the scanty resources available, but were Christians thoroughly in earnest, they could multiply the resources a thousandfold. It is selfishness, self-indulgence, that bars the way to our usefulness. {MH 206.4}

เรามีโอกาสมากมายเปิดกว้างอยู่ต่อหน้าเราที่จะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นได้ แต่เรามักจะโอดครวญอยู่เป็นประจำถึงความฝืดเคืองของทรัพยากรที่มี แต่ถ้าคริสเตียนทั้งหลายมีความกระตือรือร้นอย่างจริงจัง เขาจะสามารถเพิ่มค่าทรัพยากรที่มีนั้นได้อีกพันเท่าทวีคูณ แต่ความเห็นแก่ตัวและการปล่อยตัวตามใจตัวเองเป็นสิ่งกีดขวางเส้นทางสู่การเป็นประโยชน์ของพวกเรา {MH 206.4}

How much means is expended for things that are mere idols, things that engross thought and time and strength which should be put to a higher use! How much money is wasted on expensive houses and furniture, on selfish pleasures, luxurious and unwholesome food, hurtful indulgences! How much is squandered on gifts that benefit no one! For things that are needless, often harmful, professed Christians are today spending more, many times more, than they spend in seeking to rescue souls from the tempter. {MH 207.1}

เราได้ใช้ปัจจัยไปมากมายเพียงไรกับสิ่งของที่เป็นเพียงรูปเคารพ สิ่งที่ครอบงำความคิด เวลา และกำลังซึ่งเราควรจะนำมาใช้ในสิ่งที่สูงส่งกว่า เราได้สิ้นเปลืองเงินทองไปมากมายเพียงไรกับบ้านช่องอันหรูหราและเครื่องเรือนราคาแพง กับความเพลิดเพลินที่เห็นแก่ตัว กับอาหารอันฟุ่มเฟือยที่ไม่มีประโยชน์ กับการลุ่มหลงในสิ่งที่ให้โทษ ใช้จ่ายเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพื่อซื้อหาของขวัญที่ไม่มีประโยชน์ต่อใครเลยไปมากสักเท่าใด ทุกวันนี้ผู้ที่แสดงตนว่าเป็นคริสเตียนต่างกำลังใช้จ่ายเงินทองเพื่อซื้อหาสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นและมักจะให้โทษมากยิ่งกว่าที่เขาได้ใช้ไปในการช่วยกู้จิตวิญญาณให้รอดพ้นจากการทดสอบหลายเท่านัก {MH 207.1}

Many who profess to be Christians spend so much on dress that they have nothing to spare for the needs of others. Costly ornaments and expensive clothing they think they must have, regardless of the needs of those who can with difficulty provide themselves with even the plainest clothing. {MH 207.2}

ผู้ที่แสดงตนว่าเป็นคริสเตียนหลายคนใช้จ่ายมากมายเพื่อซื้อหาเสื้อผ้าจนไม่มีเงินเหลือพอที่จะให้การช่วยเหลือแก่คนที่ยากจนขัดสน พวกเขาเห็นว่าเครื่องประดับหรูหราและเสื้อผ้าราคาแพงเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเขาต้องมี โดยไม่คำนึงถึงความจำเป็นของผู้ที่ไม่มีเงินแม้แต่จะหาซื้อเสื้อผ้าอย่างธรรมดาที่สุดมาสวมใส่ {MH 207.2}

My sisters, if you would bring your manner of dressing into conformity with the rules given in the Bible, you would have an abundance with which to help your poorer sisters. You would have not only means, but time. Often this is most needed. There are many whom you might help with your suggestions, your tact and skill. Show them how to dress simply and yet tastefully. Many a woman remains away from the house of God because her shabby, ill-fitting garments are in such striking contrast to the dress of others. Many a sensitive spirit cherishes a sense of bitter humiliation and injustice because of this contrast. And because of it many are led to doubt the reality of religion and to harden their hearts against the gospel. {MH 207.3}

พี่สาวน้องสาวทั้งหลายของข้าพเจ้า หากท่านจะแต่งกายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ในพระคัมภีร์แล้ว พวกท่านก็จะมีเงินเหลือมากมายที่จะช่วยพี่สาวน้องสาวที่ยากจนกว่าท่านได้ ท่านมิใช่จะมีแต่เพียงเงินทองเท่านั้นแต่ยังจะมีเวลาอีกด้วย ซึ่งเวลานี่แหละที่มักจะเป็นสิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุด มีหลายคนที่ท่านสามารถให้การช่วยเหลือได้ด้วยการให้คำแนะนำปรึกษาด้วยประสบการณ์และความสามารถของท่าน จงสอนเขาให้ได้รู้จักการแต่งกายอย่างเรียบง่ายแต่มีรสนิยม ผู้หญิงหลายคนไม่ได้ไปร่วมนมัสการในพระวิหารของพระเจ้าเพราะรู้สึกว่าเสื้อผ้าของตนนั้นเก่า ไม่เข้ากับรูปร่างของตนและแตกต่างอย่างเด่นชัดจากเครื่องแต่งกายของผู้อื่น จิตวิญญาณไม่น้อยที่อ่อนไหวง่ายจึงเพาะฝังความรู้สึกขมขื่นในความต่ำต้อยน่าอับอายและอยุติธรรมเพราะความแตกต่างนี้ และเพราะเหตุนี้หลายคนจึงได้ถูกชักจูงให้เกิดความสงสัยในสภาพที่แท้จริงของศาสนา และทำให้มีจิตใจที่แข็งกระด้างไม่ยอมรับในข่าวประเสริฐ {MH 207.3}

Christ bids us, "Gather up the fragments that remain, that nothing be lost." While thousands are every day perishing from famine, bloodshed, fire, and plague, it becomes every lover of his kind to see that nothing is wasted, that nothing is needlessly expended, whereby he might benefit a human being. {MH 207.4}

พระคริสต์ทรงรับสั่งให้เรา “เก็บเศษอาหารที่เหลือไว้ อย่าให้มีสิ่งใดตกหล่น" ยอห์น 6:12 ในขณะที่มนุษย์มากมายต้องพินาศไปในทุกวันเพราะความอดอยากเนื่องจากการกันดารอาหาร เหตุการณ์นองเลือด ไฟไหม้และโรคระบาดอยู่ ดังนั้น ผู้ที่ซาบซึ้งในพระเมตตาของพระองค์จะต้องคอยระมัดระวังมิให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดต้องสูญเปล่าไป และไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อที่เขาจะสามารถใช้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ได้ {MH 207.4}

It is wrong to waste our time, wrong to waste our thoughts. We lose every moment that we devote to self-seeking. If every moment were valued and rightly employed, we should have time for everything that we need to do for ourselves or for the world. In the expenditure of money, in the use of time, strength, opportunities, let every Christian look to God for guidance. "If any of you lack wisdom, let him ask of God, that giveth to all men liberally, and upbraideth not; and it shall be given him." James 1:5. {MH 208.1}

การปล่อยเวลาของเรา (และ) ทิ้งความคิดของเราให้สูญเปล่าไปนั้นเป็นความผิด เราต้องสูญเสียทุกชั่วเวลานาทีที่เราใช้ไปเพื่อแสวงหาความสุขใส่ตัวเอง หากทุกๆ ชั่วขณะถูกตีเป็นราคาและถูกใช้อย่างถูกต้อง เราน่าจะมีเวลาทำทุกอย่างที่เราต้องการจะทำสำหรับตัวของเราเองหรือเพื่อผู้อื่นในโลกได้ ในการใช้จ่ายเงินทอง ในการใช้เวลา กำลังและโอกาสต่างๆ นั้น ขอให้คริสเตียนทุกคนพึ่งพิงในการทรงนำของพระเจ้า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ” ยากอบ 1:5 {MH 208.1}

"Give, and it shall be given unto you."

"จงให้เขาและท่านจะได้รับด้วย"

"Do good, and lend, hoping for nothing again; and your reward shall be great, and ye shall be the children of the Highest: for He is kind unto the unthankful and to the evil." Luke 6:35. {MH 208.2}

“แต่จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์ และท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด เพราะว่าพระองค์ยังทรงโปรดแก่คนอกตัญญูและคนชั่ว” ลูกา 6:35 {MH 208.2}

"He that hideth his eyes shall have many a curse;" but "he that giveth unto the poor shall not lack." Proverbs 28:27. {MH 208.3}

“บุคคลที่ให้แก่คนยากจนจะไม่รู้จักการขัดสน แต่บุคคลที่ปิดตาของเขาเสียจากการนี้จะได้รับการแช่งสาปมาก” สุภาษิต 28:27 {MH 208.3}

"Give, and it shall be given unto you; good measure, pressed down, and shaken together, and running over, shall men give into your bosom." Luke 6:38. {MH 208.4}

“จงให้เขาและท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น" ลูกา 6:38 {MH 208.4}

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43]