Ministry of Healing
BACK NEXT

Chapter 39 (บทที่ 39)
"The Knowledge Received Through God's Word”
“ความรู้ที่ได้จากพระวจนะของพระเจ้า”

The whole Bible is a revelation of the glory of God in Christ. Received, believed, obeyed, it is the great instrumentality in the transformation of character. It is the grand stimulus, the constraining force, that quickens the physical, mental, and spiritual powers, and directs the life into right channels. {MH 458.1}

พระคัมภีร์ทั้งเล่มเป็นการสำแดงถึงพระสิริของพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระคริสต์ เมื่อเรายอมรับ รับเชื่อและปฏิบัติตาม พระคัมภีร์จะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย พระคัมภีร์เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นพลังยับยั้งที่เร่งให้กำลังกาย กำลังสติปัญญาตลอดจนอำนาจในฝ่ายจิตวิญญาณและนำทางชีวิตไปตามเส้นทางอันชอบธรรม {MH 458.1}

The reason why the youth, and even those of mature years, are so easily led into temptation and sin, is that they do not study the word of God and meditate upon it as they should. The lack of firm, decided will power, which is manifest in life and character, results from neglect of the sacred instruction of God's word. They do not by earnest effort direct the mind to that which would inspire pure, holy thought and divert it from that which is impure and untrue. There are few who choose the better part, who sit at the feet of Jesus, as did Mary, to learn of the divine Teacher. Few treasure His words in the heart and practice them in the life. {MH 458.2}

สาเหตุที่คนหนุ่มสาวและแม้แต่ผู้ใหญ่ที่มากในวัยวุฒิถูกชักจูงให้ตกอยู่ในการทดลองและความผิดบาปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าและไม่ได้ใคร่ครวญถึงถ้อยคำเหล่านั้นเท่าที่ควร การที่จิตใจขาดความหนักแน่นและมั่นคง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากชีวิตและอุปนิสัยนั้น เป็นผลจากการเพิกเฉยละเลยต่อคำสอนอันบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า คนเหล่านี้ไม่มีความพยายามอย่างจริงจังที่จะบังคับสติไปสู่สิ่งที่จะดลใจให้เกิดความคิดที่บริสุทธิ์และชอบธรรม อีกทั้งหันเหสติออกไปจากความคิดที่ไม่บริสุทธิ์และไม่เป็นความจริง มีน้อยคนที่เลือกสิ่งที่ดีงามกว่า ที่นั่งลงแทบพระบาทของพระเยซูเช่นเดียวกับนางมารีย์ เพื่อเรียนรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า มีน้อยคนที่ภายในจิตใจของเขาทั้งหลายซาบซึ้งในพระวจนะของพระองค์และนำมาปฏิบัติในชีวิต {MH 458.2}

The truths of the Bible, received, will uplift mind and soul. If the word of God were appreciated as it should be, both young and old would possess an inward rectitude, a strength of principle, that would enable them to resist temptation. {MH 459.1}

เมื่อเรายอมรับความจริงที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ ความจริงนั้นจะช่วยยกชูจิตใจและจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้น หากเราชื่นชมคุณค่าของพระวจนะของพระเจ้าอย่างที่สมควรจะได้รับแล้ว ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้ชราก็จะเป็นผู้ที่มีภูมิธรรมในจิตใจและจักมีความเข้มแข็งในหลักคำสอนพร้อมที่จะทำให้เขาทั้งหลายสามารถต่อต้านต่อการทดลองได้ {MH 459.1}

Let men teach and write the precious things of the Holy Scriptures. Let the thought, the aptitude, the keen exercise of brain power, be given to the study of the thoughts of God. Study not the philosophy of man's conjectures, but study the philosophy of Him who is truth. No other literature can compare with this in value. {MH 459.2}

จงให้มนุษย์สั่งสอนและเขียนถึงสิ่งต่างๆ อันล้ำค่าที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ จงทุ่มเทความคิด ความฉลาดในการเรียนรู้ ความกระตือรือร้นในการใช้สมองเพื่อศึกษาเล่าเรียนถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า จงอย่าศึกษาหลักปรัชญาที่เป็นเพียงความคิดเห็นของมนุษย์ แต่จงศึกษาเล่าเรียนในหลักคำสอนของพระองค์ผู้ทรงเป็นความจริง ไม่มีวรรณกรรมใดที่มีคุณค่าเทียบเคียงได้กับพระคัมภีร์ {MH 459.2}

The mind that is earthly finds no pleasure in contemplating the word of God; but for the mind renewed by the Holy Spirit, divine beauty and celestial light shine from the sacred page. That which to the earthly mind was a desolate wilderness, to the spiritual mind becomes a land of living streams. {MH 460.1}

จิตใจที่ฝักใฝ่ในทางโลกไม่อาจพบความสุขจากการไตร่ตรองพระวจนะของพระเจ้า แต่สำหรับจิตใจที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น จะพบความงดงามของพระเจ้าเจิดจ้าแจ่มจรัสส่องออกมาจากหน้าหนังสืออันศักดิสิทธิ์นี้ สิ่งที่เป็นแผ่นดินรกร้างกันดารสำหรับจิตใจที่ฝักใฝ่ในทางโลก จะกลับกลายเป็นแผ่นดินแห่งธารน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตสำหรับจิตใจที่เป็นฝ่ายจิตวิญญาณ {MH 460.1}

The knowledge of God as revealed in His word is the knowledge to be given to our children. From the earliest dawn of reason they should be made familiar with the name and the life of Jesus. Their first lessons should teach them that God is their Father. Their first training should be that of loving obedience. Reverently and tenderly let the word of God be read and repeated to them in portions suited to their comprehension and adapted to awaken their interest. And, above all, let them learn of His love revealed in Christ, and its great lesson: {MH 460.2}

ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระวจนะของพระองค์ เป็นความรู้ที่เราต้องถ่ายทอดให้แก่ลูกๆ ของเรา เมื่อเริ่มรู้จักเหตุและผล ลูกๆ ควรได้รับการแนะนำให้รู้จักคุ้นเคยกับพระนามและชีวิตของพระเยซู บทเรียนแรกที่เราควรสอนให้ลูกๆ คือ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขาทั้งหลาย การฝึกอบรมในลำดับแรกของลูกๆ ควรเป็นเรื่องของการเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความรัก เราควรอ่านพระวจนะของพระเจ้าให้ลูก ๆ ฟังด้วยความเคารพยำเกรงในพระองค์และมีความสุภาพอ่อนโยน และเราควรเลือกเอาข้อความที่เหมาะสมกับความเข้าใจของลูกๆ โดยดัดแปลงเพื่อกระตุ้นความสนใจ มาอ่านซ้ำหลายๆ ครั้งให้เขาทั้งหลายฟัง เหนือสิ่งอื่นใด ให้ลูกๆ เรียนรู้ถึงความรักของพระองค์ที่ทรงสำแดงให้ปรากฏในพระคริสต์และบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของความรักนั้น {MH 460.2}

"If God so loved us, we ought also to love one another." 1 John 4:11. {MH 460.3}

“ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนั้น เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย” 1 ยอห์น 4:11 {MH 460.3}

Let the youth make the word of God the food of mind and soul. Let the cross of Christ be made the science of all education, the center of all teaching and all study. Let it be brought into the daily experience in practical life. So will the Saviour become to the youth a daily companion and friend. Every thought will be brought into captivity to the obedience of Christ. With the apostle Paul they will be able to say: {MH 460.4}

จงให้คนหนุ่มสาวยึดถือพระวจนะของพระเจ้าเป็นอาหารบำรุงเลี้ยงจิตใจและจิตวิญญาณ ให้กางเขนของพระคริสต์เป็นศาสตร์แห่งการศึกษาทั้งปวงและเป็นศูนย์กลางของการสอนตลอดทั้งการศึกษาเล่าเรียนที่มีอยู่ทั้งหมด และนำมาใช้เป็นประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อพระผู้ช่วยให้รอดจะทรงเป็นมิตรสหายของคนหนุ่มสาวในทุกๆ วัน ความคิดทั้งปวงก็จะอยู่ภายใต้การเชื่อฟังของพระคริสต์ เพื่อที่เขาทั้งหลายจะสามารถกล่าวเช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโลว่า {MH 460.4}

"God forbid that I should glory, save in the cross of our Lord Jesus Christ, by whom the world is crucified unto me, and I unto the world." Galatians 6:14. {MH 460.5}

“ข้าพเจ้าไม่ขออวดอะไรนอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกได้ตายจากข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้ตายจากโลก” กาลาเทีย 6:14 (THSV) {MH 460.5}

Thus through faith they come to know God by an experimental knowledge. They have proved for themselves the reality of His word, the truth of His promises. They have tasted, and they know that the Lord is good. {MH 461.1}

ด้วยประการฉะนี้ โดยความเชื่อ หนุ่มสาวทั้งหลายจึงรู้จักพระเจ้าโดยความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ เขาทั้งหลายได้พิสูจน์ด้วยตนเองถึงความเป็นจริงที่มีอยู่ในพระวจนะของพระองค์และความจริงในพระสัญญาของพระเจ้า เขาทั้งหลายได้ประสบและได้ประจักษ์ในพระคุณความดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า {MH 461.1}

The beloved John had a knowledge gained through his own experience. He could testify: {MH 461.2}

ยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรักได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาประสบมาด้วยตนเอง เขาจึงเป็นพยานได้ว่า {MH 461.2}

"That which was from the beginning, which we have heard, which we have seen with our eyes, which we have looked upon, and our hands have handled, of the Word of life; (for the life was manifested, and we have seen it, and bear witness, and show unto you that eternal life, which was with the Father, and was manifested unto us;) that which we have seen and heard declare we unto you, that ye also may have fellowship with us: and truly our fellowship is with the Father, and with His Son Jesus Christ." 1 John 1:1-3. {MH 461.3}

“ซึ่งได้ทรงเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งเราทั้งหลายได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรา เกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็นและเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดา และได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย) ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา แท้จริงเราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์” 1 ยอห์น 1:1-3 {MH 461.3}

So everyone may be able, through his own experience, to "set his seal to this, that God is true." John 3:33, A.R.V. He can bear witness to that which he himself has seen and heard and felt of the power of Christ. He can testify: {MH 461.4}

ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่ได้ “รับคำพยานของพระองค์ ก็ประทับตราลงว่า พระเจ้าทรงสัตย์จริง” ยอห์น 3:33 โดยอาศัยสิ่งที่ประสบมาด้วยตนเอง เขาจึงสามารถเป็นพยานในสิ่งที่เขาเองได้เห็น ได้ยินและได้สัมผัสถึงฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์ เขาจึงสามารถเป็นพยานได้ว่า {MH 461.4}

"I needed help, and I found it in Jesus. Every want was supplied, the hunger of my soul was satisfied; the Bible is to me the revelation of Christ. I believe in Jesus because He is to me a divine Saviour. I believe the Bible because I have found it to be the voice of God to my soul." {MH 461.5}

“ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือ และข้าพเจ้าก็ได้รับความช่วยเหลือในพระเยซู ความขาดแคลนในทุกสิ่งทุกอย่างนั้นพระองค์ก็ได้ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูข้าพเจ้า จิตวิญญาณที่หิวกระหายของข้าพเจ้าก็ได้รับความอิ่มใจ เพราะพระคัมภีร์ได้สำแดงพระคริสต์ให้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซู เพราะพระองค์ได้ทรงดำรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อในพระคัมภีร์ เพราะข้าพเจ้าได้ค้นพบแล้วว่า นั่นเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ได้ตรัสแก่จิตวิญญาณของข้าพเจ้า” {MH 461.5}

He who has gained a knowledge of God and His word through personal experience is prepared to engage in the study of natural science. Of Christ it is written, "In Him was life; and the life was the light of men." John 1:4. Before the entrance of sin, Adam and Eve in Eden were surrounded with a clear and beautiful light, the light of God. This light illuminated everything which they approached. There was nothing to obscure their perception of the character or the works of God. But when they yielded to the tempter, the light departed from them. In losing the garments of holiness, they lost the light that had illuminated nature. No longer could they read it aright. They could not discern the character of God in His works. So today man cannot of himself read aright the teaching of nature. Unless guided by divine wisdom, he exalts nature and the laws of nature above nature's God. This is why mere human ideas in regard to science so often contradict the teaching of God's word. But for those who receive the light of the life of Christ, nature is again illuminated. In the light shining from the cross, we can rightly interpret nature's teaching. {MH 461.6}

ผู้ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์โดยประสบการณ์ของตัวเองย่อมพร้อมจะศึกษาถึงความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติ พระวจนะได้เขียนถึงพระคริสต์ไว้ว่า “พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์” ยอห์น 1:4 ก่อนที่ความผิดบาปจะเข้ามาในโลก อาดัมและเอวาต่างอยู่ภายใต้ห้อมล้อมของแสงสว่างที่สุกใสงดงามอันเป็นพระสิริของพระเจ้า แสงสว่างนี้ส่องต้องทุกสิ่งที่เขาทั้งสองเข้าไปใกล้และทำให้สิ่งเหล่านั้นพลอยสว่างไปด้วย ไม่มีสิ่งใดมาปิดบังเขาทั้งสองไม่ให้เห็นถึงพระลักษณะนิสัยหรือพระหัตถกิจของพระเจ้า แต่เมื่ออาดัมและเอวายอมพ่ายแพ้ต่อมารผู้ล่อลวง แสงสว่างนี้จึงได้อันตรธานไปจากพวกเขา การที่เขาทั้งสองสูญเสียอาภรณ์แห่งความบริสุทธิ์ชอบธรรมนี้ไป เขาทั้งสองจึงสูญเสียแสงสว่างที่ให้ความสว่างแก่สิ่งต่างๆในธรรมชาติไปด้วย เขาทั้งสองไม่อาจเข้าใจถึงความหมายของสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติได้อย่างถูกต้องอีกต่อไป ไม่อาจมองเห็นถึงพระลักษณะของพระเจ้าในพระหัตกิจของพระองค์ ดังนั้น ทุกวันนี้ มนุษย์จึงไม่สามารถเข้าใจถึงบทเรียนที่มีอยู่ในธรรมชาติอย่างถูกต้องได้ด้วยตัวของเขาเอง ถ้าไม่มีพระปัญญาของพระเจ้าเป็นผู้ชี้ทางให้ มนุษย์ก็หลงยกย่องธรรมชาติและกฎแห่งธรรมชาติอยู่เหนือพระเจ้าผู้ทรงสรรสร้างธรรมชาติ เพราะเหตุนี้ ความคิดของมนุษย์ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จึงขัดแย้งกับคำสอนของพระวจนะของพระเจ้าอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ได้รับแสงสว่างแห่งชีวิตของพระคริสต์ พระสิริของพระเจ้าก็จะกลับมาปรากฏอยู่ในธรรมชาติอีกครั้ง ในแสงสว่างที่ส่องฉายมาจากกางเขน เราจึงเข้าใจความหมายในคำสอนที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติได้อย่างถูกต้อง {MH 461.6}

He who has a knowledge of God and His word through personal experience has a settled faith in the divinity of the Holy Scriptures. He has proved that God's word is truth, and he knows that truth can never contradict itself. He does not test the Bible by men's ideas of science; he brings these ideas to the test of the unerring standard. He knows that in true science there can be nothing contrary to the teaching of the word; since both have the same Author, a correct understanding of both will prove them to be in harmony. Whatever in so-called scientific teaching contradicts the testimony of God's word is mere human guesswork. {MH 462.1}

ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์โดยประสบการณ์ของตนเองจะมีความเชื่ออย่างมั่นคงในหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากพระเจ้า เขาได้พิสูจน์แล้วว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและเขาทราบดีว่า ความจริงจะไม่มีวันขัดแย้งกับตัวเอง เขาจะไม่พิสูจน์ความจริงของพระคัมภีร์กับความคิดเห็นในเชิงวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ แต่เขาจะนำความคิดเหล่านี้ไปพิสูจน์กับกฎเกณฑ์ที่ไม่มีวันผิดพลาด เขาทราบดีว่าวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงนั้น จะไม่มีสิ่งใดขัดแย้งกับคำสอนที่มีอยู่ในพระวจนะ เพราะผู้ที่บันดาลสิ่งทั้งสองให้เกิดขึ้นนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องของเรื่องทั้งสองนี้จึงต้องมีความสอดคล้องต้องกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งใดก็ตามที่เรียกว่าเป็นวิชาความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ที่ขัดแย้งกับคำพยานที่มีอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า ล้วนเป็นแต่เพียงความคาดเดาของมนุษย์เท่านั้น {MH 462.1}

To such a student, scientific research will open vast fields of thought and information. As he contemplates the things of nature, a new perception of truth comes to him. The book of nature and the written word shed light upon each other. Both make him better acquainted with God by teaching him of His character and of the laws through which He works. {MH 462.2}

สำหรับผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนทางด้านนี้ การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์จะเปิดความคิดและข้อมูล ที่กว้างไกลยิ่งขึ้น ขณะที่เขาใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆในธรรมชาติ เขาก็จะเรียนรู้และเข้าใจถึงความจริงใหม่ๆ สิ่งที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติและพระคัมภีร์ที่มีพระวจนะของพระเจ้าเขียนไว้จะส่องสว่างให้แก่กันและกัน ทั้งสองสิ่งจะช่วยเขาให้มีความรู้ที่เกี่ยวกับพระเจ้าได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยสอนเขาให้เรียนรู้ถึงพระลักษณะของพระองค์และพระบัญญัติที่พระองค์ทรงใช้ในพระหัตถกิจที่พระองค์ทรงกระทำ {MH 462.2}

The experience of the psalmist is the experience that all may gain by receiving God's word through nature and through revelation. He says: "Thou, Lord, hast made me glad through Thy work: I will triumph in the works of Thy hands." "Thy mercy, O Lord, is in the heavens; And Thy faithfulness reacheth unto the clouds. Thy righteousness is like the great mountains; Thy judgments are a great deep. . . . "How excellent is Thy loving-kindness, O God!" "The children of men take refuge under the shadow of Thy wings. . . . And Thou wilt make them drink of the river of Thy pleasures. For with Thee is the fountain of life: In Thy light shall we see light." "Blessed are they that are upright in way, Who walk in the law of Jehovah. Blessed are they that keep His testimonies, That seek Him with the whole heart." "Wherewith shall a young man cleanse his way? By taking heed thereto according to Thy word." "I have chosen the way of faithfulness: Thine ordinances have I set before Me." "Thy word have I laid up in my heart, That I might not sin against Thee." "And I shall walk at liberty; For I have sought Thy precepts." "Open Thou mine eyes, that I may behold Wondrous things out of Thy law." "Thy testimonies also are my delight And my counselors." "The law of Thy mouth is better unto me Than thousands of gold and silver." "Oh how love I Thy law! It is my meditation all the day." "Thy testimonies are wonderful; Therefore doth my soul keep them." "Thy statutes have been my songs In the house of my pilgrimage." "Thy word is very pure; Therefore Thy servant loveth it." "The sum of Thy word is truth; And every one of Thy righteous ordinances endureth forever." "Let my soul live, and it shall praise Thee; And let Thine ordinances help me." "Great peace have they that love Thy law; And they have no occasion of stumbling. "I have hoped for Thy salvation, O Jehovah, And have done Thy commandments. My soul hath observed Thy testimonies; And I love them exceedingly." "The opening of Thy words giveth light; It giveth understanding unto the simple." "Thy commandments make me wiser than mine enemies; For they are ever with me. I have more understanding than all my teachers; For Thy testimonies are my meditation. I understand more than the aged, Because I have kept Thy precepts." "Through Thy precepts I get understanding: Therefore I hate every false way." "Thy testimonies have I taken as a heritage forever; For they are the rejoicing of my heart." Psalm 92:4; 36:5-7; 36:7-9, A.R.V.; Psalm 119:1, 2, 9, 30, A.R.V., margin; 119:11, 45, 18, 24, 72, 97 129, 54, 140, 160, 175, 165-167, 130, 98-100, 104, 111, A.R.V. {MH 462.3}

ประสบการณ์ของผู้ประพันธ์หนังสือสดุดีจะเป็นประสบการณ์ที่เราทุกคนจะได้รับโดยการยอมรับในพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติและจากสิ่งที่พระองค์ทรงสำแดง ผู้ประพันธ์หนังสือสดุดีกล่าวว่า “พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์ยินดี ด้วยพระราชกิจของพระองค์ ข้าพระองค์ร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เนื่องในพระราชกิจของพระองค์” “ความเมตตาของพระองค์อยู่ในฟ้าสวรรค์ ความสัตย์ซื่อของพระองค์ไปถึงเมฆ ความชอบธรรมของพระองค์เหมือนภูเขาทั้งหลายของพระเจ้า คำพิพากษาของพระองค์เหมือนที่ลึกยิ่ง........ ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ประเสริฐสักเท่าใด” “ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์..... “พระองค์ประทานให้เขาดื่มจาก แม่น้ำแห่งความสุขเกษมของพระองค์ เพราะธารน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์ เราเห็นความสว่างโดยความสว่างของพระองค์” “บรรดาผู้ที่ดีรอบคอบในทางของเขาก็เป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินตามพระธรรมของพระเจ้า ผู้ที่รักษาบรรดาพระโอวาทของพระองค์ก็เป็นสุข คือผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วยสุดใจ” “หนุ่มๆจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร โดยระแวดระวังตามพระวจนะของพระองค์” “ข้าพระองค์ได้เลือกทางความสัตย์ซื่อ ข้าพระองค์ตั้งกฎหมายของพระองค์ไว้ตรงหน้าข้าพระองค์” “ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์” “และข้าพระองค์จะเดินอย่างเสรี เพราะข้าพระองค์ได้แสวงข้อบังคับของพระองค์” “ขอเบิกตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็น สิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระองค์” “บรรดาพระโอวาทของพระองค์ เป็นความปีติยินดี ของข้าพระองค์ เป็นที่ปรึกษาของข้าพระองค์” “สำหรับข้าพระองค์ พระธรรมแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ ก็ดีกว่าทองคำและเงินพันๆแท่ง” “แหม ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์จริงๆ เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์วันยังค่ำ” “บรรดาพระโอวาทของพระองค์ประหลาดนัก เพราะฉะนั้นจิตใจของข้าพระองค์จึงรักษาไว้” “กฎเกณฑ์ของพระองค์ได้เป็นบทเพลงของข้าพระองค์ ในเรือนที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่นั้น” “พระดำรัสของพระองค์นั้นบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์รักพระดำรัสนั้น” “สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์ คือความจริง และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็นนิตย์” “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ เพื่อข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ และให้กฎหมายของพระองค์ช่วยข้าพระองค์” “บุคคลเหล่านั้นที่รักพระธรรมของพระองค์ มีสันติภาพใหญ่ยิ่ง ไม่มีสิ่งใดกระทำให้เขาสะดุดได้” “ข้าพระองค์หวังในความรอดของพระองค์ และข้าพระองค์ทำตามพระบัญญัติของพระองค์ จิตใจของข้าพระองค์ปฏิบัติตาม บรรดาพระโอวาทของพระองค์ ข้าพระองค์รักพระโอวาทนั้นมากยิ่ง” “การคลี่คลายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย พระบัญญัติของพระองค์กระทำให้ ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์ เพราะบรรดาพระโอวาทของพระองค์เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าคนสูงอายุ เพราะข้าพระองค์รักษาข้อบังคับของพระองค์ “ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจโดยข้อบังคับของพระองค์ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดชังวิถีเท็จทุกอย่าง” “บรรดาพระโอวาทของพระองค์ ข้าพระองค์รับไว้เป็นมรดกเป็นนิตย์ พระเจ้าข้า เป็นความชื่นบานแก่ใจข้าพระองค์” สดุดี 92:4; 36:5-7; 36:7-9; 119:1, 2, 9, 30; 119:11, 45, 18, 24, 72, 97, 129, 54, 140, 160, 175, 165-167, 130, 98-100, 104, 111 {MH 462.3}

Clearer Revealings of God It is our privilege to reach higher and still higher for clearer revealings of the character of God. When Moses prayed, "I beseech Thee, show me Thy glory," the Lord did not rebuke him, but He granted his prayer. God declared to His servant, "I will make all My goodness pass before thee, and I will proclaim the name of the Lord before thee." Exodus 33:18, 19. {MH 464.1}

การสำแดงของพระเจ้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เราทั้งหลายมีสิทธิพิเศษที่จะเข้าใจถึงพระลักษณะของพระเจ้าที่สำแดงแก่เราในระดับที่ชัดเจนยิ่ง ๆ ขึ้น เมื่อโมเสสอธิษฐานว่า “ขอทรงโปรดสำแดงสง่าราศีของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด” องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงตำหนิโมเสส แต่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นไปตามคำทูลขอ พระเจ้าตรัสแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่า เราจะให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเราคือเยโฮวาห์ให้ประจักษ์ต่อหน้าเจ้า” อพยพ 33:18,19 {MH 464.1}

It is sin that darkens our minds and dims our perceptions. As sin is purged from our hearts, the light of the knowledge of the glory of God in the face of Jesus Christ, illuminating His word and reflected from the face of nature, more and more fully will declare Him "merciful and gracious, long-suffering, and abundant in goodness and truth." Exodus 34:6. {MH 464.2}

ความผิดบาปทำให้จิตใจของเรามืดมัวและลดความเข้าใจของเรา เมื่อความผิดบาปถูกชำระล้างออกไปจากจิตใจของเรา แสงสว่างแห่งความรู้ในสง่าราศีของพระเจ้าที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์ก็จะทำให้พระวจนะของพระองค์แจ่มกระจ่างและส่องสะท้อนออกมาจากธรรมชาติ จนเราเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและประกาศได้ว่า “พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้าและบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง” อพยพ 34:6 {MH 464.2}

In His light shall we see light, until mind and heart and soul are transformed into the image of His holiness. {MH 465.1}

ในแสงสว่างของพระองค์ เราจึงมองเห็นความสว่างจนกระทั่งสติปัญญา จิตใจและจิตวิญญาณได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เข้าถึงความไพบูลย์ตามแบบพระฉายอันบริสุทธิ์ของพระองค์ {MH 465.1}

For those who thus lay hold of the divine assurances of God's word, there are wonderful possibilities. Before them lie vast fields of truth, vast resources of power. Glorious things are to be revealed. Privileges and duties which they do not even suspect to be in the Bible will be made manifest. All who walk in the path of humble obedience, fulfilling His purpose, will know more and more of the oracles of God. {MH 465.2}

สำหรับคนทั้งหลายที่เข้าใจถึงความเที่ยงแท้ของพระเจ้าที่มีอยู่ในพระวจนะของพระองค์ สิ่งเหลือเชื่อต่างๆ ก็ล้วนเป็นไปได้ ความจริงแท้ของความรู้มากมาย บ่อเกิดแห่งกำลังต่างๆ ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาทั้งหลาย คุณงามความดีจะประจักษ์แจ้ง สิทธิพิเศษและหน้าที่ความรับผิดชอบที่คนเหล่านั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีอยู่ในพระคัมภีร์ก็จะถูกเปิดเผยให้ได้เข้าใจ ทุกคนที่ดำเนินอยู่บนเส้นทางแห่งความเชื่อฟังที่ถ่อมใจ ปฏิบัติตามเพื่อบรรลุพระประสงค์ของพระองค์ ย่อมเกิดความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น {MH 465.2}

Let the student take the Bible as his guide and stand firm for principle, and he may aspire to any height of attainment. All the philosophies of human nature have led to confusion and shame when God has not been recognized as all in all. But the precious faith inspired of God imparts strength and nobility of character. As His goodness, His mercy, and His love are dwelt upon, clearer and still clearer will be the perception of truth; higher, holier, the desire for purity of heart and clearness of thought. The soul dwelling in the pure atmosphere of holy thought is transformed by intercourse with God through the study of His word. Truth is so large, so far-reaching, so deep, so broad, that self is lost sight of. The heart is softened and subdued into humility, kindness, and love. {MH 465.3}

จงให้นักเรียนนักศึกษาพึ่งพระคัมภีร์เป็นผู้นำทางและยึดมั่นไว้เป็นหลักการของเขา แล้วเขาจะสามารถไขว่คว้าเพื่อบรรลุถึงผลสำเร็จที่สูงส่งเท่าที่ใจปรารถนา เมื่อเราไม่ยอมรับว่าพระเจ้าทรงอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง หลักปรัชญาทั้งหลายของมนุษย์ก็รังแต่จะก่อความวุ่นวายสับสนและความน่าละอายใจ แต่ความเชื่ออันมีค่าที่พระเจ้าทรงดลใจจะทำให้อุปนิสัยเข้มแข็งและดีงาม เมื่อยึดมั่นอยู่ในพระคุณความดี พระเมตตาปรานีและความรักของพระองค์ เราจะเกิดความเข้าใจความจริงอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เกิดความปรารถนาที่จะมีจิตใจที่บริสุทธิ์และมีความคิดที่ใสสะอาดไร้มลทินมากยิ่งขึ้น จิตวิญญาณที่อยู่ในบรรยากาศของความคิดที่บริสุทธิ์นี้จะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่โดยการสื่อสารกับพระเจ้าผ่านการศึกษาพระวจนะของพระองค์ ซึ่งเป็นความจริงแท้ที่ยิ่งใหญ่ กว้างไกล ไร้ซึ่งขอบเขตและล้ำลึกจนมองข้ามตัวตนของตนเอง จิตใจเกิดความอ่อนโยนและลดอัตตะลงสู่ความถ่อมตน ความเมตตากรุณาและความรัก {MH 465.3}

And the natural powers are enlarged because of holy obedience. From the study of the word of life, students may come forth with minds expanded, elevated, ennobled. If they are, like Daniel, hearers and doers of the word of God, they may advance as he did in all branches of learning. Being pure-minded, they will become strong-minded. Every intellectual faculty will be quickened. They may so educate and discipline themselves that all within the sphere of their influence shall see what man can be, and what he can do, when connected with the God of wisdom and power. {MH 466.1}

พละกำลังตามธรรมชาติจะเพิ่มทวีขึ้นเพราะความเชื่อศรัทธาอันบริสุทธิ์จากการศึกษาพระวจนะเพื่อชีวิต ผู้เรียนทั้งหลายจะมีสติปัญญามากขึ้น สูงส่งขึ้นและมีจิตใจที่งดงาม ถ้าเขาทั้งหลายเป็นเหมือนดั่งดาเนียล ผู้เชื่อฟังและปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้า เขาทั้งหลายย่อมจะก้าวหน้าเช่นเดียวกับดาเนียลในการเรียนรู้ทุกสาชาวิชา เมื่อมีจิตใจที่บริสุทธิ์ สติปัญญาของผู้เรียนเหล่านั้นก็จะเข้มแข็งขึ้น เขาทั้งหลายจะเรียนรู้วิชาและอบรมวินัยของตนเองเพื่อทุกคนที่อยู่ในแวดวงของเขาจะได้เห็นว่ามนุษย์สามารถเป็นอะไรได้บ้างและทำอะไรได้บ้าง เมื่อได้เข้าสนิทกับพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูและฤทธิ์อำนาจ {MH 466.1}

Education in the Life Eternal Our lifework here is a preparation for the life eternal. The education begun here will not be completed in this life; it will be going forward through all eternity--ever progressing, never completed. More and more fully will be revealed the wisdom and love of God in the plan of redemption. The Saviour, as He leads His children to the fountains of living waters, will impart rich stores of knowledge. And day by day the wonderful works of God, the evidences of His power in creating and sustaining the universe, will open before the mind in new beauty. In the light that shines from the throne, mysteries will disappear, and the soul will be filled with astonishment at the simplicity of the things that were never before comprehended. {MH 466.2}

การศึกษาในช่วงชีวิตนิรันดร์ งานที่เรากระทำในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นการตระเตรียมไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ การศึกษาที่เริ่มต้นในโลกนี้ จะยังไม่เสร็จสิ้นในชั่วชีวิตนี้ แต่จะดำเนินต่อไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์ ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เราจะเข้าใจถึงพระปัญญาและความรักของพระเจ้าที่ปรากฏอยู่ในแผนการแห่งการทรงไถ่ของพระองค์อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ในขณะที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงนำเหล่าบุตรของพระองค์ไปยังบ่อน้ำพุแห่งชีวิต พระองค์ประทานความรู้นานัปการ วันแล้ววันเล่า พระหัตถกิจอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า อันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจในการทรงสร้างและการค้ำจุนจักรวาลของพระองค์ จะเปิดเผยแก่สติปัญญาให้ประจักษ์ถึงความงดงามใหม่ๆ ภายใต้แสงสว่างที่ส่องฉายมาจากบัลลังก์ของพระเจ้า ความเร้นลับต่างๆ จะมลายหายไปและจิตวิญญาณจะเต็มล้นด้วยความประหลาดใจถึงสิ่งต่างๆ ที่เรียบง่ายไม่สลับซับซ้อนที่ไม่เคยรู้มาก่อน {MH 466.2}

Now we see through a glass, darkly; but then face to face; now we know in part; but then we shall know even as also we are known. {MH 466.3}

บัดนี้ เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ ความรู้ของเราไม่สมบูรณ์ เวลานั้นเราจะรู้แจ้งเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรู้จักเรา {MH 466.3}

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28] [29] [30] [31] [32] [33] [34] [35] [36] [37] [38] [39] [40] [41] [42] [43]